สภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรงทั่วโลกส่งผลกระทบบ้างต่อการทำเกษตรแบบเปิดโล่ง เกษตรกรผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เลือกใช้เรือนกระจก ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถต้านทานผลกระทบของสภาพอากาศเลวร้ายต่อพืชผลของพวกเขาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมวงจรการเจริญเติบโตของพืชผลได้อีกด้วย เรือนกระจกประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเรือนกระจกแบบขาดแสง ซึ่งถือเป็นการลงทุนทางการเกษตรที่ดีที่สุด มาร่วมกันไขปริศนานี้ไปด้วยกัน!

1. ฤดูกาลเพาะปลูกที่ขยายเวลา:
โรงเรือนที่ขาดแสงช่วยให้เกษตรกรสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูกได้ดีขึ้น รวมถึงจำนวนต้นที่ได้รับแสง ด้วยการคลุมโรงเรือนด้วยวัสดุกันแสง เช่น ม่านบังแสง เกษตรกรสามารถควบคุมระยะเวลาการรับแสงให้สอดคล้องกับฤดูกาลต่างๆ ได้ ทำให้สามารถยืดระยะเวลาการเพาะปลูกและเพาะปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี โดยไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายนอก ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และเพิ่มผลกำไรได้
2. คุณภาพพืชผลที่ได้รับการปรับปรุง:
แสงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชและสามารถส่งผลอย่างมากต่อคุณภาพของพืชผล โรงเรือนควบคุมแสงช่วยให้เกษตรกรสามารถจัดการแสงได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้สภาพแสงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตของพืช การควบคุมระยะเวลาและความเข้มของแสงช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับปรุงสี ขนาด รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการของพืชผลได้ การควบคุมระดับนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพืชที่มีมูลค่าสูงหรือพืชเฉพาะทางที่ต้องการสภาพแสงเฉพาะเพื่อให้พืชผลเติบโตได้อย่างเต็มที่


3. การควบคุมศัตรูพืชและโรค:
โรงเรือนที่ขาดแสงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการระบาดของศัตรูพืชและโรคพืชได้ การปิดกั้นแหล่งกำเนิดแสงภายนอกช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยวและควบคุมได้มากขึ้น ซึ่งช่วยลดการเข้ามาของศัตรูพืชและเชื้อโรค การลดการสัมผัสภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ยาฆ่าแมลงและสารฆ่าเชื้อราเคมี นำไปสู่การเพาะปลูกที่มีสุขภาพดีและเป็นแบบออร์แกนิกมากขึ้น นอกจากนี้ โรงเรือนที่ขาดแสงยังช่วยควบคุมการระบายอากาศได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรคได้อีกด้วย
4. ความยืดหยุ่นและการกระจายพืชผล:
ความสามารถในการควบคุมการรับแสงในเรือนกระจกที่ขาดแสงช่วยให้เกษตรกรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเลือกชนิดของพืชที่สามารถเพาะปลูกได้ พืชแต่ละชนิดมีความต้องการช่วงแสงที่แตกต่างกัน ซึ่งหมายความว่าพืชเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีภายใต้ช่วงแสงและช่วงมืดที่เฉพาะเจาะจง ด้วยระบบที่ขาดแสง เกษตรกรสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของพืชแต่ละชนิดได้ ทำให้สามารถกระจายผลผลิตและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดเฉพาะกลุ่ม ความสามารถในการปรับตัวนี้ยังช่วยให้เกษตรกรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป หรือสามารถทดลองปลูกพืชพันธุ์ใหม่ๆ ได้
5. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน:
โรงเรือนที่ขาดแสงสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ การปิดกั้นแสงจากภายนอกในบางช่วงเวลา ช่วยลดความจำเป็นในการใช้แสงประดิษฐ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน ส่งผลให้ประหยัดพลังงานได้อย่างมากและลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ผ้าม่านกันแสงหรือวัสดุอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันยังช่วยป้องกันความร้อนภายในโรงเรือน ลดการสูญเสียความร้อนในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น และลดความจำเป็นในการใช้ความร้อนที่มากเกินไป ส่งผลให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุด
ในขณะที่เรือนกระจกที่ขาดแสงจำเป็นต้องมีการลงทุนเบื้องต้นในอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งประโยชน์ที่อาจได้รับในแง่ของผลผลิตที่เพิ่มขึ้น คุณภาพพืชผลที่ดีขึ้น และการควบคุมสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ปลูกเพื่อการค้าที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี

หากคุณต้องการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมกับเรา โปรดติดต่อเราได้ตลอดเวลา!
อีเมล:info@cfgreenhouse.com
โทรศัพท์: +86 13550100793
เวลาโพสต์: 28 มิ.ย. 2566